อุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากผู้ขับขี่ประมาท เมาแล้วขับ และ ง่วงแล้วขับรถ ในสัดส่วนที่เท่าๆกัน ข้อมูลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุปี 2564 จำนวน 13,624 คน และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 883,242 ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากการง่วงแล้วขับ และหลับในมากพอสมควร อุบัติเหตุที่เกิดจากการหลับในค่อนข้างรุนแรงมาก เพราะคนหลับในไม่มีสติ ไม่รู้ตัว จึงไม่มีการหักหลบหรือเหยียบเบรกแต่อย่างใด
สาเหตุหนึ่งของการหลับใน คือ คนที่อดนอนหลายวันติดต่อกัน เช่น อดนอนทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ แต่ความง่วงหรือความอ่อนเพลียจนกระทั่งถึงขั้นหลับในนั้นไม่มีกฎหมายควบคุมและไม่มีเครื่องมือที่สามารถวัดได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัวเองที่จะรู้ดีที่สุด
สังเกตุอาการ ง่วงแล้วขับรถ
ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นหลับในนั้นก็พอจะมีอาการให้ผู้ขับรถเองหรือผู้โดยสารที่นั่งไปด้วยได้สังเกตอาการของคนง่วง ซึ่งมักจะมีอาการดังนี้
- ขับรถช้าลง ทั้งๆที่มีโอกาสจะขับเร็วได้ เหตุผลอธิบายก็คือ เมื่อมีอาการง่วง น้ำหนักกดที่ปลายเท้าขวาซึ่งจะเหยียบคันเร่งก็จะเบาลง เมื่อน้ำหนักเท้าเบา ความเร็วรถก็จะช้าลง
- ขับรถกระตุก เป็นผลมาจากอาการง่วง แล้วจะพยายามฝึน เมื่อตอนง่วงเกือบหลับ เท้าที่เหยีบบคันเร่งจะเบาแผ่ว แต่พอรู้สึกตัวจะรีบกดปลายเท้า ทำให้คันเร่งถูกกด รถจะพุ่งทันที ถ้าท่านโดยสารรถมาด้วยแล้วรู้สึกได้ต้องระวัง!
- สังเกตดูที่ใบหน้าและตาของคนขับรถ อาจจะชำเลืองมองจากกระจกมองหลัง จะเห็นว่าหนังตาบนจะค่อยๆ ตกลงมา และเจ้าตัวจะพยายามเบิกหนังตาบนขึ้น
- มีอาการกระพริบตาบ่อยๆ หรือพยายามสะบัดหัวไปมา
- พูดน้อยลง
- ขับขี่ไม่ค่อยตรงทาง เริ่มเฉออกนอกเลน แล้งดึงรถกลับทางเดิม
จากประสบการณ์ที่นั่งโดยสารรถ ถ้าถามคนขับรถว่า “ง่วงหรือเปล่า” คนขับรถมักจะบอกว่า “ไม่ง่วง” ต่อให้ง่วงจะตายก็จะปากแข็งบอกว่า “ไม่ง่วง” ให้เราลองชวนคนขับจอดรถข้างทาง หรือแวะเข้าปั๊ม เข้าห้องน้ำ อาจจะบอกว่าเราหิว เราอยากเข้าห้องน้ำ ก็ได้ แล้วชวนคนขับลงไปด้วย ให้ผู้ขับได้เปลี่ยนอิริยาบถ หาผ้าเย็นเช็ดหน้า
วิธีแก้ปัญหาอาการหลับใน หรือง่วงนอนขณะขับรถ
ผู้ขับรถ ก่อนการขับรถ โดยเฉพาะการขับรถเดินทางไกล ต้องนอนหลับพักผ่อน ให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
ก่อนเดินทางไม่ควรรับประทานมาก ถ้าหนังท้องตึงเมื่อไรหนังตาก็จะหย่อน เมื่อพักรับประทานอาหารระหว่างทาง ให้ทานแต่น้อย
ดื่มกาแฟสัก ๑ ถ้วย เล่นเอสเปรสโซ่เข้าไปเลย
แวะพักระหว่างทาง เนื่องจากขณะขับรถสมองและร่างกายต้องทำงานหนักมากๆ ส่งผลทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า และอ่อนเพลีย ฉะนั้นจึงควรหยุดพัก โดยการแวะเข้าปั๊ม ล้างหน้าล้างตา หรือดีที่สุดให้งีบหลับสัก 20 – 30 นาที จะดีมากๆ
งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ หรือยาที่ผลข้างเคียง ทั้งก่อนขับรถและระหว่างเดินทาง
ผู้โดยสาร ควรชวนคนขับรถพูดคุยบ้างแล้วสังเกตอาการตอบรับ
ผู้โดยสารพยายามอย่าได้ไปนั่งหลับให้เป็นตัวอย่าง เสียงกรนของท่านจะทำให้ผู้ขับเกิดอาการง่วงตามได้
ผู้ขับรถ ต้องไม่เป็นผู้ติดยาบ้า หรือสารเสพติด เพราะเมื่อสารเสพติดหมดฤทธิ์ยา จะมีอาการซึม ง่วง หลับได้หลับดี เพราะร่างกายที่ตื่นตัวจากสารเสพติดนั้น จะทำให้มีการเสียพละกำลังไปมาก และต้องการการพักผ่อนหลังหมดฤทธิ์ยา
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของผู้ขับรถ ที่มีผลทำให้เกิดอาการง่วงในขนะขับรถ คือ ภาวะสุขภาพและอายุของคนขับรถ ถ้าเป็นคนหนุ่มสาว ปกติร่างกายจะแข็งแรง จะมีความอึด ไม่ง่วง ขับรถได้นาน แต่ถ้าเป็นผู้สูงอายุ ร่างกายอาจจะอ่อนล้าได้เร็ว ต้องการพักผ่อนมาก รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วนมีโอกาสง่วงมากกว่าคนผอม เพราะหัวใจต้อง สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อและไขมัน เลยทำให้เลือดส่วนที่ไปสู่สมองน้อยลงและเกิดอาการง่วงได้ง่าย
ภาพโดย Joshua Woroniecki จาก Pixabay